ผู้เปิดเผยข้อมูลเอกสารของ Facebook นั้น ได้ทำการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าบริษัทให้การสนับสนุนหรือละเลย Hate Speech เพื่อผลกำไรของบริษัท เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการเปิดเผยเอกสารภายในของบริษัท Facebook ให้แก่สำนักข่าว Wall Street Journal ที่ซึ่งได้มีการนำเสนอข่าวไป และเผยให้เห็นถึงรายละเอียดในการทำงาน – บริหารจัดการภายในของบริษัท หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจที่สุดก็คงเป็นการที่บริษัทน้อมรับ algorithms ที่จะส่งเสริมการใช้งาน Hate Speech บนแพลตฟอร์ม
Frances Haugen อดีตผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์ (ตามข้อมูลที่เคยลงไว้บน LinkedIn)
และเคยทำงานในกลุ่มงานด้านความซื่อสัตย์ต่อสังคมของ Facebook โดยเธอนั้นได้ลาออกจากบริษัท เมื่อปี 2021 โดยเธอได้กล่าวถึงการตัดสินใจดังกล่าวว่า เธอไม่เชื่อใจว่าบริษัทนั้นจะยอมลงทุนในสิ่งเหมาะสมต่อการป้องกันไม่ให้ Facebook นั้นเป็นพื้นที่ที่อันตราย
หลังจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอตัดสินใจปล่อยข้อมูลภายในด้านการวิจัยให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา โดยหวังว่าจะเกิดการพลักดันให้ออกข้อบังคับเพื่อควบคุมการกระทำของบริษัท ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานของเธอแล้วนั้น Facebook ถือว่าแย่ที่สุด เนื่องจากความต้องการของบริษัทในการสร้างผลประโยชน์จากสวัสดิการของผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม
Haugen กล่าวว่า “บ่อยครั้งที่มันจะมีความขัดแย้งต้องให้เลือกระหว่างสิ่งที่สุดต่อสังคม กับสิ่งที่ดีที่สุดต่อบริษัท ซึ่ง Facebook นั้นมักจะเลือกอย่างหลังอยู่ในหลาย ๆ ครั้ง”
หนึ่งในปัญหาที่ว่านี้ก็คือเรื่องการใช้ถ้อยคำที่ส่งเสริม หรือสนับสนุนให้เกิดการเกลียดชัง หรือ Hate Speech ถึงแม้ว่า FB เองออกมาบอกว่าบริษัทนั้นได้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไข หรือจัดการกับปัญหาดังกล่าวนี้ แต่เอกสารของ Haugen ได้บอกเล่าเรื่องราวอีกอย่างหนึ่ง โดยมีเนื้อความว่า “พวกเราประมาณการณ์ว่าพวกเรานั้นจะลงมือจัดการเพียงแค่ 3-5% ของความเกลียดชัง และประมาณ 0.6% ของความรุนแรงและการยุยงที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม ถึงแม้ว่าแพลตฟอร์มของเรานั้นจะเป็นแหล่งที่พบสิ่งเหล่านี้มากที่สุดในโลกก็ตาม”
ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งก็ได้เปิดเผยว่า “พวกเรามีหลักฐานจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่บ่งชี้ว่า Hate Speech, ถ้อยคำที่ส่งเสริมการแบ่งแยกทางการเมือง และการปล่อยข่าวปลอมบนแพลตฟอร์มนั้นส่งผลกระทบไปทั่วโลก”
คุณปู่ชาวเคนยาช้ำรัก หายจากบ้าน 47 ปี เมียสองคนแต่งงานใหม่
รักแท้แพ้ระยะทาง คุณปู่ชาวเคนยาใจสลาย หลังพบภรรยาทั้งสองคนแต่งงานอยู่กับกับคนใหม่ โดยเจ้าตัวหายออกจากหมู่บ้านไปนาน 47 ปี
วันที่ 3 ต.ค.64 เว็บไซต์ เดลี่ สตาร์ ของอังกฤษ ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณปู่ช้ำรัก ชาวเคนยารายนี้ โดยวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ปีเตอร์ โอยูก้า วัย 84 ปี คุณปู่เจ้าของเรื่องได้หวนกลับมายังเมืองคาคาเมกา ประเทศเคนยา บ้านเกิด หลังก่อนหน้านี้หายหน้าหายตาไปนาน 47 ปี โดยการกลับมาครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากพลเมืองดีที่ช่วยโพสต์เรื่องราวของเขาลงบนเฟซบุ๊ก
อย่างไรก็ตามการกลับบ้านเที่ยวนี้ คุณปู่โอยูก้า ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อภรรยาที่เป็นดั่งดวงใจทั้ง 2 คน ได้ตัดสินใจแต่งงานใหม่ไปแล้ว ระหว่างที่เขาหายตัวไปนาน 47 ปีนั่นเอง
มีรายงานว่า ตลอดระยะเวลาที่คุณปู่ โอยูก้า หายตัวไปจากหมู่บ้าน เขาไม่เคยแวะกลับมาหาครอบครัวเลยสักครั้ง โดยเดินทางออกจากบ้านไปตั้งแต่ พ.ศ. 2517 ขณะที่อายุ 37 ปี เหตุผลที่ระเห็จจากบ้านเกิดเมืองนอนเพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงดูภรรยาทั้งสองและลูก ๆ อีก 5 คน
โดยคุณปู่รายนี้เดินทางไปทำงานในหลายเมือง อาชีพที่ทำก็มีทั้งชาวนาและคนงานก่อสร้าง แต่หลังจากการเฝ้ารอที่ไม่มีจุดหมาย ในที่สุดการรอคอยอันยาวนานก็สิ้นสุดลง เมื่อภรรยาทั้งสองคนตัดสินใจแต่งงานไปอยู่กินกับครอบครัวใหม่
แม้จะต้องผิดหวังจากหญิงอันเป็นที่รัก แต่คุณปู่โอยูก้า ก็ได้พบกับ อักเกรย์ โอซันจิ ลูกชายวัย 53 ปี ที่เขาทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก โดยลูกชายของเขานั่นเองที่เป็นคนพากลับมายังบ้านเกิดหลังได้เห็นโพสต์ของพลเมืองดีที่แจ้งข่าวของคุณปู่
คุณปู่โอยูก้า ยอมรับว่า แม้จะรู้กดีที่ได้กลับมายังบ้านเกิดของเขา แต่ลึกๆ เจ้าตัวเสียใจที่ภรรยาทั้งสองไม่ยอมรอเขาและตัดสินใจไปแต่งงานกับชายอื่น
“ผมหวังว่าภรรยาของผมจะอยู่ที่นี่ในวันนี้เพื่อรอต้อนรับผมกลับบ้าน ยังไงผมก็ขออวยพรให้พวกเธอมีความสุขกับการแต่งงานครั้งใหม่ แต่ผมก็อยากให้พวกเธอรับรู้ว่า ผมยังมีชีวิตอยู่และพวกเธอควรหาเวลาว่างมาเยี่ยมผมบ้าง” คุณปู่โอยูก้า เผยความในใจ
ทั้งนี้ เรื่องราวช้ำรักของคุณปู่ดูจะทะแม่งๆ เล็กน้อย เพราะตอนที่หายตัวไปทำงานนั้น มีช่วงหนึ่งเขาไปอาศัยอยู่ที่แทนซาเนียนานถึง 13 ปี และได้ตกหลุมรักกับหญิงสาวคนหนึ่งและมีลูกด้วยกันอีกด้วย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป